วันนี้จะมารีวิวทุนของ YSEALI ครับ
ก่อนอื่นเลยผมขอแนะนำตัวก่อนละกัน ผมชื่อ นาย ธีรชัย สีหา จบจากมหาวิทยาลัยราชภัฏอุบลราชธานี เป็นหนึ่งในตัวแทนเยาวชนไทยทั้ง3คน ที่ได้เดินทางไปเข้าร่วมโครงการ YSEALI Academic Fellowship Spring 2018 ที่ University of Nebraska at Omaha in America.
เรามารู้จัก YSEALI และทุนที่เกี่ยวข้องกันก่อนดีกว่าครับ YSEALI หรือ Young South East Asian Leadership Initiative นั้นสืบเนื่องมาจาก ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เปิดตัวโครงการ Young Southeast Asian Leaders Initiative (YSEALI) เมื่อพ.ศ. 2556 โครงการดังกล่าวเป็นการรวมตัวของผู้นำรุ่นเยาว์อายุระหว่าง 18-35 ปี จากบรูไน กัมพูชา อินโดนีเซีย มาเลเซีย พม่า ฟิลิปปินส์ ลาว สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม ที่มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์เพื่อมุ่งจัดการกับสิ่งที่พวกเขาเห็นว่าเป็น ความท้าทายสำคัญของภูมิภาคอาเซียนในยุคสมัยของตน ได้แก่ การพัฒนาเศรษฐกิจ การอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม การศึกษา และการมีส่วนร่วมของประชาสังคม ในทุกๆ วัน บรรดาผู้นำรุ่นเยาว์ได้นำเสนอหลากหลายแนวทางแก้ไขปัญหาอย่างสร้างสรรค์ อาทิเช่น การนำจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์มาใช้ทำความสะอาดแม่น้ำ หรือสร้างโอกาสด้านอาชีพด้วยการจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากบัว สหรัฐฯ ร่วมสนับสนุนหนุ่มสาวที่ไม่ธรรมดาเหล่านี้ผ่านการจัดฝึกอบรมและมอบทุนแก่ผู้ ประกอบการเพื่อสังคมรุ่นใหม่อนาคตไกล
โดยในแต่ละปีจะมีโครงการอยู่ 2 โครงการ คือ Fall และ Spring และยังมีการแยกออกเป็น YSEALI Academic Fellowship เป็นโครงการสำหรับเยาวชนที่มีอายุ 18-25ปี และ YSEALI Professional Fellows เป็นโครงการสำหรับเยาวชนที่มีอายุ 25-35ปี โดยในการสมัครก็จะมีหัวข้อให้เลือกตามโครงการที่เราสนใจ เช่นรอบที่ผมสมัคร ผมสมัครโครงการYSEALI Academic Fellowship Spring 2018 นั้นก็คือจะมี Civic Engagement, Environmental Issues,และ Social Entrepreneurship & Economic Development ผมได้สมัครในหัวข้อ Civic Engagement และเลือกมหาวิทยาลัย Nebraska-Omaha
ในการสมัครจะมีการประชาสัมพันธ์ทุนอยู่ที่เพจ International Exchange Alumni Thailand
และ เว็บไซต์: https://th.usembassy.gov/call-for-applications-fall-2018-yseali-academic-fellowship/ รวมทั้งกิจกรรม และ workshop ที่น่าสนใจอีกมากมายครับ หากสนใจไปสมัครเป็นสมาชิคไว้ก่อนเลยครับ กลับมาเข้าเรื่องต่อนะครับ ในการคัดเลือกจะมีทั้งหมด2 ด่าน ด่านแรก เราต้องกรอกใบสมัคร หรือ Application form เพื่อส่งให้กรรมการได้คัดเลือก และด่านที่สองจะไปการ สัมภาษณ์ทุนครับ ซึ่งเป็นอะไรที่น่าตื่นเต้นมากๆ สำหรับผมในการสมัครโครงการนี้
ในการสมัคร ผมใช้เวลาเกือบ1เดือนในการศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับโครงการ ศึกษาเกี่ยวกับกิจกรรมที่เขาทำ ก่อนจะตัดสินใจส่งใบสมัครครับ วันประกาศผล แล้วเห็นชื่อตัวเองอยู่ในlist เป็นอะไรที่โคตรตื่นเต้นครับ ในตอนนั้นผมยังฝึกงานอยู่ที่ American Corner ที่ประเทศกัมพูชา ผมตัดสินใจโทรหาครอบครัว และเล่าให้พ่อแม่ฟังว่าตัวเองติดทุนเข้าร่วมโครงการนี้ อยากให้ทุกๆคนที่เข้ามาอ่านได้สัมผัสความรู้สึกนั้นครับ
วันเดินทางเป็นอะไรที่แบบเหมือนฝันไป ถามตัวเองในใจนะครับว่า “เฮ้ยนี้เรากำลังจะไปอเมริกาจริงๆหรอ แถมจะได้ทำกิจกรรมกับ YSEALI อีกด้วย” ก็ตื่นเต้นตั้งแต่ขึ้นเครื่องจากไทย จนวันขึ้นเครื่องกลับไทยแหละครับ และที่สำคัญเราไม่ต้องเสียอะไรเลยแม้แต่เดินทางไปที่สนามบินทางสถานทูต ก็จ่ายให้ ตั๋วเดินทางทั้งไปและกลับเราไม่ต้องจ่าย นอกเหนือจากนั้นก็ยังมีอาหารเช้า บางกิจกรรมก็มีการเตรียมอาหารกลางวันให้เราด้วย มีทุนให้เราทุกสัปดาห์ และในส่วนของ ที่พักคือดีมากๆครับ YSEALI ดูแลเราดีมากและเราไม่ต้องจ่ายอะไรเลย ผมต้องย้ำบ่อยๆนะครับว่าโครงการนี้เราไม่ได้เสียอะไรเพราะว่ามีหลายคนมาถามผมว่าเราต้องจ่ายเงินค่าตั๋วเครื่องบินไหมต้องจ่ายค่าที่พักหรือเปล่าบอกเลยครับว่าไม่
เรามาพูดถึงในส่วนของการต้อนรับ วันแรกที่ไปถึงนะครับก็จะมีคนมารับเราที่สนามบิน การเดินทางก็ค่อนข้างจะนานพอสมควรนะครับ ผม ใช้เวลาเดินทางจาก ประเทศไทยไปที่ประเทศญี่ปุ่นที่สนามบินนาริตะ ก็ใช้เวลาไป 5 ชั่วโมงกว่าๆ จากนั้นก็เดินทางจากสนามบินนาริตะไปที่สนามบิน Denverครับ รวมๆก็13 ชม. จากนั้นก็ต่อเครื่องไปลง Omaha ก็สนุกสนานกับการเดินทางครับไปถึงก็จะมีผู้ดูแลมารับเราที่สนามบินพาเราไปยังที่พัก และสิ่งที่น่าประทับใจก็คือเค้าเตรียมหม้อหุงข้าวไว้ให้เราด้วยครับเค้าเตรียมอุปกรณ์ที่เราต้องใช้ไว้ให้หมดเลย เอาจริงๆเราแทบไม่ต้องเตรียมอะไรไปเลยครับ แม้แต่ laptop เค้าก็เตรียม IPad ไว้ให้ ฮ่าๆๆๆ
พูดในเรื่องของกิจกรรมนะครับ หัวข้อของพวกเราก็คือ Civic Engagement กิจกรรมส่วนใหญ่ก็จะเกี่ยวกับหัวข้อที่เราเลือกทางการเรียนในห้องเรียนกิจกรรมนอกห้องเรียนหรือแม้แต่การเยี่ยมชมสถานที่สำคัญต่างๆก็จะเกี่ยวข้องกับหัวข้อที่เราเลือกและพวกเราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะถามคำถามที่เราไม่เข้าใจเราทุกคนมีสิทธิ์ที่จะพูดในสิ่งที่เราคิดหรือทัศนคติของเราเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ
กิจกรรมในห้องเรียน พวกเราได้เรียนรู้เกี่ยวกับ Civic Engagement , Social entrepreneur , Volunteer Activities, American Cultures, และ American’s history ซึ่งในทุกๆสัปดาห์เราก็จะมีการเข้าไปนั่งเรียนในชั้นเรียนมีการไปร่วมเรียนกับนักเรียนชาวอเมริกัน และพวกเรายังได้เรียนรู้ เกี่ยวกับวัฒนธรรมในชั้นเรียนของชาวอเมริกันด้วยนะครับ นอกจากนี้พวกเราทุกคนยังได้ทำ Action Plans โดยการวางแผนที่จะทำโครงการหรือกิจกรรมเพื่อสังคม พวกเราได้พูดคุยได้แชร์ประสบการณ์ และได้ร่วมกันคิดโครงการที่มีประโยชน์ขึ้นมาเพื่อประเทศของพวกเรา
กิจกรรมนอกชั้นเรียน บอกได้เลยว่าเค้าพาเราไปทุกที่เลยนะครับของ Omaha ไม่ว่าจะเป็นเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก เราได้ไปที่มูลนิธิต่างๆที่ช่วยเหลือสังคมเช่นมูลนิธิ Micah house จะเป็นมูลนิธิที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือผู้ประสบภัยและบุคคลไร้ที่อยู่อาศัย แถมพวกเรายังมีโอกาสได้แพคของเพื่อเตรียมบริจาคให้กับพวกเขา เราได้ไปที่ Second harvest hard land พวกเราก็ได้ทำกิจกรรมจิตอาสา โดยพวกเราได้แพคมันฝรั่งและมะเขือเทศสำหรับบริจาคให้กับบุคคลผู้ไร้ที่อยู่อาศัยและผู้ลี้ภัย
การเดินทางไปยังรัฐอื่น พวกเราได้เดินทางไปถึง3 รัฐด้วยกัน นั่นก็คือ Portland-Oregon, Minnesota และ Washington DC พวกเราได้ร่วมกิจกรรมต่างๆของแต่ละรัฐ เช่นเราไปที่Portland เราก็ได้ร่วมกิจกรรม the Earth day และได้เรียนรู้วัฒนธรรม ความเป็นอยู่ของคนที่นั่น เราไปที่ Washington DC เราก็ได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมาของประเทศสหรัฐอเมริกา เราไปที่ Minnesota เราได้ทำกิจกรรมอาสาเพื่อชุมชน
การร่วมกิจกรรมกับเพื่อนจากต่างประเทศ ก็ถือว่าสนุกสนานนะครับกับการร่วมกิจกรรมกับเพื่อนๆ จากประเทศอาเซียนไม่ว่าจะเป็นจาก ลาว อินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม กัมพูชา พม่า บรูไน ทุกคนล้วนมีไอเดียของตนเองมีประสบการณ์ด้านต่างๆมากมายและพวกเราได้แบ่งปันและพูดคุยเกี่ยวกับไอเดียของพวกเราเพื่อที่จะสร้างโครงการของตัวเองร่วมกับผู้อื่นเพื่อช่วยเหลือสังคมของพวกเรา สังคมในประเทศนั้นๆให้ดีขึ้น ถือว่าเป็นกิจกรรมที่ดีมากๆที่ทำให้พวกเราได้คุยกันมากขึ้น ได้เห็นปัญหาของสังคมที่แตกต่างกัน นอกจากนั้นเรายังได้แบ่งปันวิธีแก้ไขปัญหาในแบบทัศนคติของเรา โดยที่ไม่มีถูกและไม่มีผิด
กิจกรรม Sightseeing ก็มีเกือบทุกอาทิตย์ครับ อาจจะเป็นวันอาทิตย์ หรือบางวันที่เราเรียนเสร็จเร็ว ทุกๆคนที่มีผู้ดูแล หรือพวกเราเรียกว่า Student Mentors พวกเขาก็จะคอยดูแลเราคอยให้คำปรึกษาคอยแนะนำในการใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น คอยให้ความช่วยเหลือ เราในทุกๆเรื่อง ก็เป็นการใกล้ชิดกับชาวอเมริกันและผู้ดูแล ซึ่งผู้ดูแลของพวกเราไม่ได้เป็นแค่ชาวอเมริกันเท่านั้น แต่บางคนก็มาจากประเทศอาเซียน ก็ถือเป็นการหลากหลายในการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และให้คำแนะนำที่แตกต่างกันออกไป และผมว่ามันมีประโยชน์มาก สำหรับคนที่ไม่เคยไปอยู่ ณ ที่ตรงนั้นเลย
สุดท้ายนี้ผมก็อยากจะขอบคุณโครงการดีๆ จาก YSEALI ที่ให้โอกาสผมได้ร่วมกิจกรรมที่มีประโยชน์ ได้แสดงความคิดเห็นและทัศนคติที่ผมมีต่อสังคม ได้มองเห็นถึงความสำคัญของเยาวชนแบบพวกเรา ขอบคุณสำหรับทุกๆอย่างที่จัดเตรียมไว้ให้ผู้เข้าร่วมทุกคน ขอบคุณกิจกรรมดีๆ ที่เตรียมไว้ให้พวกเรา ก็อยากจะฝากถึงคนที่กำลังสนใจ สมัครเลยครับ โครงการนี้ดีมากๆ เราจะได้เห็นในสิ่งที่เราไม่เคยเห็น เราจะได้พูดในสิ่งที่เราอยากจะพูด พูดสิ่งที่เราคิด โดยที่มีคนพร้อมจะรับฟังเราและให้คำแนะนำกับพวกเรา นอกจากนี้เรายังสามารถนำกลับมาพัฒนาชุมชน สังคมและประเทศชาติของเรา
greatttt
ReplyDelete